จากกรณีที่ประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) มีมติ 138 เสียงต่อ 41 เสียง ไม่ออกเสียง 27 เสียง ไม่เห็นชอบให้ นายสถาพร วิสาพรหม รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (แผนกคดีล้มละลาย) ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561) ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ ส.ว.จะมีมติไม่เห็นชอบนั้น นายประพันธุ์ คูณมี กรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ชคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า กมธ.ได้หารือกันถึงประเด็นเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนกับคุณสมบัติของ นายสถาพร ประกอบกับมีหนังสือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาคุณสมบัติของผู้สมัครมาที่ กมธ.หลายฉบับ รวมทั้งมีความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีความเห็นว่า ขาดคุณสมบัติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือร้องเรียนและเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงให้กับ กมธ.ในนามของผู้ใช้ชื่อว่า ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 29 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับนายสถาพร ได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงพร้อมอ้างรายละเอียดเอกสารประกอบ รวมทั้งอ้างอิงคำสั่งคณะกรรมการตุลาการประกอบข้อร้องเรียนมาด้วย

วุฒิสภาไม่เห็นชอบ “สถาพร วิสาพรหม” นั่งกรรมการ ป.ป.ช.

เสวนาฟรี!!! ลงทุนไทยไร้สินบน : ปลดล็อกข้อมูลรัฐ จุดเปลี่ยนปราบโกง

สำหรับรายละเอียดที่มีหนังสือสนเท่ห์จากผู้ใช้ชื่อว่า ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 29 สรุปได้ว่า นายสถาพร สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ป.ป.ช. โดยใช้คุณสมบัติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 มาตรา 9 (1) กำหนดคุณสมบัติ ต้องรับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีผู้พิพากษามาไม่น้อยกว่า 5 ปี

แต่ปัจจุบัน นายสถาพร ดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ และก่อนดำรงตำแหน่งดังกล่าว เคยเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ แต่ไม่เคยดำรงตำแหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลใดมาก่อน ดังนั้น จึงไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย

ดังนั้น นายสถาพร รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (แผนกคดีล้มละลาย) จึงไม่ใช่ตำแหน่งที่เทียบเท่าอธิบดีหรือไม่ต่ำกว่าอธิบดี ตามที่มีการกำหนดคุณสมบัติกรรมการ ป.ป.ช.